คอลัมน์ “เสพสม”

เสพสมบ่มิสม วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564

เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่เคารพค่ะ
ดิฉันอายุ 44 ปี สามีอายุ 58 ปี ปัญหาที่ดิฉันกังวลและไม่สบายใจมากคือ ปัญหาที่เกิดกับสามีของดิฉันเอง เขาป่วยเป็นเบาหวานมาได้กว่า 5 ปีแล้ว เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาล ปัญหาที่เกิดขึ้นคืออวัยวะเพศไม่แข็งตัวเลย ทำให้ทั้งตัวเขาเองและดิฉันรู้สึกเบื่อหน่าย ที่เราทั้งสองยังมีความต้องการทางเพศอยู่ ตอนแรกดิฉันคิดว่าเหตุเกิดจากตัวดิฉันเองที่มีตกขาว แต่เมื่อไปรับการตรวจภายในแล้วพบว่าทุกอย่างปกติ และเมื่อพาสามีไปรับการตรวจ แพทย์บอกว่าให้ทำใจเพราะการป่วยเป็นโรคเบาหวาน ย่อมเกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศตามมาได้ แนะนำให้คุมน้ำตาลในเลือด หลีกเลี่ยงอาหารแป้งและน้ำตาล ของหวานทุกชนิด และให้หมั่นออกกำลังกายให้ได้ทุกวัน แต่ผลที่ออกมาไม่ดีขึ้นเลย จึงสงสารสามีมากที่ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เหมือนเดิม จึงอยากขอคำแนะนำจากคุณหมอ ดร.โอ ว่าพอที่จะมีวิธีรักษาได้บ้างไหมคะ
ด้วยความเคารพค่ะ
แนน 44
ตอบ แนน 44
วัย 44 ปีต้องลดเรื่องเพศเพราะสามีอ่อนแอเป็นเรื่องเศร้าที่สุด ต้องรักษาเพราะว่าเบาหวานกับการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายเป็นของคู่กัน พบร่วมกันในอัตราสูงมากคือ 40-50% หรือประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่เป็นเบาหวานซึ่งอาการอีดีจะมีอัตราสูงขึ้นตามอายุ ยิ่งอายุมากยิ่งสามารถเกิดอาการอีดีได้ง่ายและเร็วขึ้น อาการอีดีในผู้ที่เป็นเบาหวานมักจะมีอาการ

เกี่ยวกับการแข็งตัวขององคชาตไม่เต็มที่ เนื่องจากเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดอวัยวะจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อมีเส้นเลือดไปเลี้ยงที่ดี การแข็งตัวของอวัยวะเพศเกิดจากการที่มีหลอดเลือดไปรวมคั่งอยู่ในอวัยวะเพศซึ่งทำให้เกิดการแข็งตัว ถ้าเส้นเลือดมีปัญหาเลือดก็จะไหลเวียนไปได้น้อยทำให้แข็งตัวได้ไม่ดี การที่เส้นเลือดเสื่อมมักเกิดจากการเป็นโรคเรื้อรังที่ทำลายเส้นเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะเหล่านี้จะทำให้เส้นเลือดเสียความยืดหยุ่นและแข็งตัวทำให้ขยายไม่ได้ เลือดจึงไปเลี้ยงที่อวัยวะส่วนปลายได้น้อยลง จึงมีโอกาสเกิดอาการอีดีได้สูงมาก

สำหรับการรักษาอาการอีดีที่เกิดจากโรคเบาหวานเรื้อรัง แพทย์จะทำการประเมินระดับอาการอีดีของคนไข้ว่าอยู่ในระดับใด การรักษามีตั้งแต่ใช้ยาฟื้นฟูซ่อมแซมหลอดเลือดที่ถูกทำลาย ร่วมกับการใช้ยาในกลุ่มยับยั้งเอนไซม์พีดีอี-5 ซึ่งยากลุ่มนี้หากใช้ไปนาน ๆ หรือใช้ในคนไข้ที่คุมระดับน้ำตาลไม่ดีจะก่อให้เกิดการดื้อยาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ไม่ได้ผลในการรักษาเท่าที่ควร การใช้ยาฉีดในผู้เป็นเบาหวานเรื้อรังแล้วมีอาการอีดีก็สามารถแก้ไขภาวะนี้ได้ อย่างรวดเร็วเพราะยาฉีดจะมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดที่องคชาตโดยตรงทำให้เกิดการแข็งตัวได้ภายใน 10-15 นาที แต่ผู้ป่วยต้องได้รับการสอนวิธีใช้ให้ชำนาญก่อนนำกลับไปใช้งานที่บ้านเอง การฝึกบริหารกล้ามเนื้อเพศเป็นประจำถือเป็นสิ่งที่ควรทำในผู้ป่วยคู่กันไปเพราะจะทำให้มีเลือดไหลเวียนแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนแก่กล้ามเนื้อเพศให้แข็งแรง สามารถสังเกตได้จากสีของหัวองคชาตจะมีสีแดงอมชมพูเรื่อ ๆ แต่ต้องมีความอดทนในการบริหารทุกวันจะเป็นการช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มความยืดหยุ่น

ปัจจุบันมีวิธีการรักษาอาการอีดีระยะยาวในผู้ที่เป็นเบาหวานนั่นคือวิธีช็อกเวฟ วิธีนี้อาศัยการยิงคลื่นความถี่ต่ำไปยังเส้นเลือดที่องคชาตเพื่อกระตุ้นให้มี การสร้างเส้นเลือดใหม่ที่องคชาตเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยอีดีหลายรายสามารถลดการใช้ยาลงไปได้เยอะ ดังนั้นการรักษาอาการอีดีจากโรคเรื้อรังจำเป็นต้องอาศัยการรักษาหลายแบบร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและฟื้นฟูอาการอีดีให้ดีขึ้นจนแข็งตัวได้ 30 นาทีทุก ครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญมากในการรักษานั่นก็คือความร่วมมือจาก
ตัวผู้ป่วย ต้องมีความอดทน และตั้งมั่นในการเข้ารับการฟื้นฟู อย่าใจร้อน หาซื้อยามากินเองซึ่งอันตรายมาก หากคุณยังต้องการมีความสุขทางเพศอย่างยืนยาวคุณก็ต้องรีบเข้ารับการรักษาแก้ไขปัญหาให้ได้.

.........................
ดร.โอ สุขุมวิท 51...