คอลัมน์ “เสพสม”

เสพสมบ่มิสม วันที่ 16 พฤษภาคม 2562

เรียน คุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่เคารพ 
ผมติดตามอ่านคอลัมน์เสพสมบ่มิสม ของคุณหมอทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์เป็นประจำ ปัจจุบันผมอายุ 66 ปี ภรรยา 64 ปี ผมมีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูงแต่ก็ไม่สูงมาก ต้องทานยาทุกวัน ปกติผมกับภรรยาจะมีเพศสัมพันธ์กัน 7-10 วัน ต่อครั้ง เราสองคนยังมีความต้องการทางเพศดีอยู่ โดยเฉพาะภรรยากระตุ้นแค่ 5-10 นาที เธอก็รู้สึกแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่คือผมเป็นคนเครียดง่าย วันไหนที่เครียดอวัยวะเพศไม่ค่อยแข็งตัวดีพอทั้ง ๆที่มีความต้องการทางเพศอยู่ เป็นอย่างนี้มาเกือบปีแล้ว ผมเห็นใจภรรยาเพราะต้องใช้นิ้วกระตุ้นให้เธอจนสำเร็จทุกครั้ง ส่วนเธอก็ทำให้ผมจนสำเร็จเหมือนกันโดยไม่ได้สอดใส่ ผมจึงอยากขอเรียนปรึกษาคุณหมอว่าอาการของผมจะสามารถทานยาเฉพาะกิจได้ไหมครับ
 
ด้วยความเคารพ
ต๋อย 66

ตอบ ต๋อย 66
โครงสร้างของอวัยวะเพศของผู้ชายจะประกอบไปด้วยท่อสามท่อ ลักษณะเหมือนฟองน้ำเรียกว่าคอร์ปัสคาร์เวอร์โนซัม (corpus carvernosum) ซึ่งสองท่อจะขนานกับท่อปัสสาวะและอยู่ด้านบน ส่วนอีกหนึ่งท่อมีชื่อเรียกว่า คอร์ปัส สปองจิโอซัม (corpus spon-giosum) อยู่ด้านล่าง เมื่อได้รับการกระตุ้นทางเพศเลือดจะไหลเข้าท่อฟองน้ำทำให้สามารถขยายได้มากถึง 7-9 เท่า ทำให้อวัยวะเพศใหญ่ขึ้นและแข็งตัวเต็มที่ตราบเท่าที่ยังมีความตื่นเต้นทางเพศอยู่ แต่เมื่อมีการหลั่ง เลือดจะไหลออกมาจากอวัยวะเพศทำให้เกิดการอ่อนตัว ในกระบวนการแข็งตัวของอวัยวะเพศหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศต้องไม่ตีบ เพราะการที่อวัยวะเพศจะแข็งตัวต้องมีเลือดไปคั่ง หากมีหลอดเลือดแดงแข็งเลือดก็ไม่สามารถไปเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ การแข็งตัวจึงเกิดได้ช้าหรือแข็งไม่เต็มที่

ภาวะที่ทำให้หลอดเลือดแข็งได้แก่ สูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น การมีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุหนึ่งของการที่หลอดเลือดเกิดการแข็งและตีบตันได้ ทำให้เลือดไหลไปสู่องคชาตน้อยลง ก่อให้เกิดปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศตามมา รวมทั้งภาวะเครียด กังวลก็มีส่วนทำให้เกิดปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้เช่นเดียวกัน ปัจจุบันการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศด้วยยาเฉพาะกิจเป็นอีกแนวทางที่แพทย์ใช้รักษาผู้ป่วยอีดี โดยช่วยคงสภาพการขยายตัวของหลอดเลือดในอวัยวะเพศโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ให้ขยายตัวอยู่นานเพียงพอสำหรับการร่วมเพศ

การใช้ยาเฉพาะกิจเพียงอย่างเดียว ในการรักษาอาการอีดีอาจจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร หากมีการใช้ในผู้ป่วยอีดีที่มีระดับฮอร์โมนชายต่ำ หรือมีการกระตุ้น ทางเพศไม่เพียงพอ ยาชนิดนี้ก็จะไม่ออกฤทธิ์เปรียบเสมือนการกินเม็ดแป้งที่ไม่มีตัวยาผสมอยู่นั่นเอง และยิ่งน่ากลัวและเป็นอันตรายอย่างมากหากมีการนำไปใช้ในผู้ป่วยอีดีที่มีการใช้ยาขยายหลอดเลือดหัวใจในกลุ่มไนเตรต เช่น ไอซอดิล ไนโตรกลีเซอรีนหรือยาอมใต้ลิ้น ไนโตร
เดอร์ม หรือ อิสโม่ เป็นต้น หากผู้ป่วยอีดีที่มีการใช้ยาเหล่านี้แล้วเกิดกินยาเฉพาะกิจร่วมโดยไม่ได้รับการปรึกษาจากแพทย์ก่อนสามารถเกิดอันตรายช็อกถึงแก่ชีวิตได้

ดังนั้นก่อนจะใช้ยาเฉพาะกิจต้องได้รับการตรวจร่างกายโดยละเอียดจากแพทย์ แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยให้ว่าผู้ป่วยรายใดต้องทำการรักษาด้วยวิธีไหน เพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อตัวผู้ป่วยมากที่สุด การใช้ยาโดยปราศจากความรู้หรือใช้ยาโดยประมาทอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ห้ามกินยาเฉพาะกิจตามเพื่อนแนะนำหรือซื้อเอง กินเอง อย่างเด็ดขาด เดี๋ยวมีอันตรายถึงหัวใจหยุดเต้นจะแก้ไขไม่ทันปัจจุบันมีการใช้คลื่นความถี่ต่ำยิงไปกระตุ้นกล้ามเนื้อเพศให้เส้นเลือดอวัยวะเพศชายทั้งเส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดหลักคู่กับการทำกายภาพขยายกล้ามเนื้อเพศให้แข็งแรงเป็นวิธีใหม่ ใช้แทนยาเฉพาะกิจเป็นวิทยาการใหม่เป็นทางเลือกเพิ่มได้อย่างมั่นใจ.
.............................
ดร.โอ สุขุมวิท 51